ปลูกทุเรียนขายเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความสนใจมากในปัจจุบัน เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ยอดนิยมที่ดังไกลไปถึงประเทศ ด้วยเนื้อสีเหลืองทอง รสชาติหวานมันอร่อยและยังมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แถมยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารได้อีกหลายชนิด จึงทำให้ทุเรียนมีราคาสูงและเป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งในตลาดไทยและตลาดนานาชาติสำหรับผู้ที่สนใจปลูกทุเรียนขาย ควรทำความเข้าใจลักษณะของทุเรียน วิธีการปลูกและการดูแล รวมถึงการลงทุนว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ วันนี้ Rabbit Care จึงนำข้อมูลมาฝาก เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้นำไปประกอบการตัดสินใจก่อนลงมือปลูกทุเรียนขายเพื่อสร้างรายได้ในอนาคต
รู้จักสายพันธุ์ทุเรียน
การเลือกสายพันธุ์ทุเรียนมาปลูก ควรเลือกสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตมากและได้น้ำหนัก เพื่อให้ผลผลิตของทุเรียนขายได้ราคาดีมากยิ่งขึ้น โดยจะมีอยู่ 4 สายพันธุ์หลักๆ ได้แก่
- ปลูกทุเรียนหมอนทอง
ทุเรียนสายพันธุ์หมอนทอง สามารถปลุกติดได้ง่าย ผลผลิตให้น้ำหนักดี มีเนื้อเยอะ หลังผลสุกแล้วสามารถเก็บไว้ได้นาน โดยมีระยะเก็บเกี่ยวประมาณ 140-150 วัน แต่ข้อควรระวังคือมีความอ่อนแอต่อโรค ทำให้รากและโคนเน่าได้ง่าย
- ปลูกทุเรียนชะนี
ทุเรียนสายพันธุ์ชะนีจะมีสีเหลืองสวย เนื้อเนียนและรสชาติดี มีความทนต่อโรค โดยมีระยะเก็บเกี่ยวประมาณ 110-120 วัน แต่มักเจอปัญหาติดผลยาก เป็นไส้ซึมง่าย และอ่อนแอต่อโรคใบติด
- ปลูกทุเรียนก้านยาว
ทุเรียนสายพันธุ์นี้จะมีราคาสูง ติดผลง่ายและมีน้ำหนักดี โดยมีระยะเก็บเกี่ยวประมาณ 120-135 วัน แต่ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรค รากเน่า โคนเน่าและเป็นไส้ซึมค่อนข้างง่าย
- ปลูกทุเรียนกระดุม
เป็นทุเรียนที่ขายได้ราคาดีในช่วงต้นฤดู เนื่องจากออกดอกเร็วและติดผลง่าย มีระยะเก็บเกี่ยวประมาณ 90- 100 วัน แต่จะอ่อนแอต่อโรค รากและโคนเน่าได้ง่าย
ทั้งนี้ อายุขัยของต้นทุเรียนจะอยู่ที่ประมาณ 50-60 ปี แต่หากเร่งให้ออกดอกออกผลมากเกินไป หรือต้นทุเรียนติดโรคบ่อยครั้ง อาจทำให้ต้นทุเรียนหมดอายุขัยเร็วมากยิ่งขึ้น
ปลูกทุเรียนยากหรือไม่ ต้องทำอย่างไรบ้าง?
เนื่องจากต้นทุเรียนชอบอากาศร้อนและชื้น รวมถึงต้องการการระบายน้ำที่ดีเนื่องจากมีปัญหาโคนและรากเน่าได้ง่าย จึงจำเป็นต้องให้การดูแลอย่างใส่ใจทั้ง 3 ขั้นตอน
- การเตรียมพื้นที่ปลูกทุเรียน
การปลูกทุเรียนจะต้องมีแหล่งน้ำจืดที่เพียงพอสำหรับต้นทุเรียนทั้งสวน รวมถึงสภาพอากาศที่จะต้องมีอุณหภูมิประมาณ 25-30 องศาเซลเซียสและมีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศประมาณ 75-85% หากปลูกในพื้นที่แห้งแล้ง มีอากาศร้อนหรือเย็นจัดจะทำให้ทุเรียนใบไหม้หรือใบร่วง เติบโตช้าและให้ผลผลิตน้อย นอกจากนี้ดินที่ปลูกจะต้องเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย หรือดินเหนียวปนทรายที่สามารถระบายน้ำได้ดี
- การปลูกทุเรียน
ฤดูปลูกทุเรียนจะอยู่ในช่วงตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน โดยจะต้องมีการจัดการระบบน้ำให้ดีและเพียงพอ หากไม่สามารถจัดการเรื่องน้ำได้ควรเริ่มปลูกในช่วงต้นฤดูฝน โดย 1 ไร่จะปลูกได้ประมาณ 20-30 ต้นและควรเว้นระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 9 เมตร เพื่อให้สะดวกต่อการดูและและการเก็บเกี่ยว
- การดูแลรักษาต้นทุเรียน
หากพบต้นทุเรียนตายหลังปลูกให้รีบทำการลูกซ่อม ในช่วงที่มีฝนตกหนักควรทำทางระบายน้ำและพูนดินปากหลุมเพิ่มเมื่อมีน้ำขังบริเวณโคนต้น ส่วนในช่วงฤดูแล้งควรคลุมหน้าดิน เพื่อรักษาความชื้นไม่ให้ดินแห้งจนเกินไป รวมถึงตัดแต่งกิ่งเมื่อต้นทุเรียนมีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปและใส่ปุ๋ย
พร้อมกับการทําโคนแบบเดือนเว้นเดือน
ลงทุนปลูกทุเรียนคุ้มค่าหรือไม่?
ทุเรียนจะเริ่มให้ผลผลิตช่วงอายุต้น 5-6 ปี ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ ไทยยังมีโอกาสส่งออกได้ โดยเฉพาะในประเทศจีนที่คาดว่าจะได้ราคาตั้งแต่กิโลกรัมละ 312 – 417 บาท ซึ่งหากต้องการปลูกทุเรียนขายควรเตรียมการลงทุนต่อ 1 ไร่ โดยประมาณ ดังนี้ (ไม่รวมค่าที่ดิน)
- ค่าปรับพื้นที่ ประมาณ 5,000 – 7,000 บาทต่อไร่
- ค่าปุ๋ยคอกและยา ประมาณ 16,000 – 20,000 บาทต่อปี
- ค่าปุ๋ยเคมี ประมาณ 6,000 บาทต่อปี
- ค่าจ้างปลูก ประมาณ 400 บาทต่อไร่
- ค่าติดระบบให้น้ำ ประมาณ 5,000 – 7,000 บาทต่อไร่
- ค่าต้นกล้าพันธุ์ 2,500 – 4,000 บาทต่อไร่
เมื่อหักลบต้นทุนแล้ว โดยประมาณการณ์หากปลูกทุเรียน 1 ไร่จะให้กำไรอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทต่อปี หากมีพื้นที่ปลูก 5 ไร่ ก็จะมีกำไร 100,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว
สำหรับผู้ที่มองเห็นโอกาสและอยากปลูกทุเรียนขายสร้างรายได้ในระยะยาว สามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนหรือใช้เป็นเงินสำรองในการทำการเกษตรได้ โดยสามารถเปรียบเทียบสินเชื่อที่เหมาะสมกับกับตนเองได้ที่ Rabbit Care